กระทรวงสาธารณสุข เตือนเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี เป็นภัยเงียบก่อตับแข็งและมะเร็งตับ ติดต่อกันง่ายทางเลือด ทางเพศสัมพันธ์ ง่ายกว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี คาดมีคนไทยติดเชื้อแล้วประมาณ 4 ล้านคน เร่งรัดป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ด้วยบริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ให้เด็กแรกเกิดทุกราย และการตรวจวินิจฉัยผู้ติดเชื้อและรักษาทันที ตัดวงจรการระบาด 

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลกเป็นห่วงสถานการณ์โรคไวรัสตับอักเสบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ให้ทุกประเทศตระหนักและร่วมควบคุมป้องกันโรค  โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิดเอ, บี, ซี ,ดี, อี และจี  ที่เป็นปัญหาทั่วโลก และในไทยคือชนิดบีและซี ซึ่งสามารถติดต่อทางเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัมผัสสารคัดหลั่งทางเพศสัมพันธ์ และติดต่อจากแม่สู่ลูก  และติดต่อกันง่ายกว่าเชื้อเอชไอวี ภัยเงียบหลังการติดเชื้อคือทำให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ คาดว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยประมาณ 400 ล้านราย เสียชีวิต 1.4 ล้านรายต่อปี ประมาณร้อยละ 48 เสียชีวิตจากชนิดซี รองลงร้อยละ 47 เสียชีวิตจากชนิดบี อัตราการตายสูงเป็นลำดับ 7 ของสาเหตุการตายทั่วโลก ในประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 3 ล้านคน และไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ประมาณ 1 ล้านคน

 นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค  ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด ดำเนินการดังนี้  1.รณรงค์ให้ความรู้เรื่องโรค วิธีการป้องกันการติดเชื้อ 2.กำชับให้บุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยทุกคน ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังตามมาตรการสากลเพื่อป้องกันการติดโรค  3.จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ให้เด็กแรกเกิดทุกราย ซึ่งอยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อป้องกันโรคมะเร็งตับในระยะยาว 4.เร่งรัดการตรวจวินิจฉัยผู้ติดเชื้อ เพื่อให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที  ตัดวงจรแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด

ด้านนายแพทย์เจษฏา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า  ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1 มกราคม - 14 เมษายน 2560 ประเทศไทยมีผู้ป่วยภาวะตับอักเสบจากไวรัส 3,091 ราย เสียชีวิต 1 ราย เชื้อที่พบมากที่สุดคือชนิด บี  พบประมาณร้อยละ 75 ผู้ป่วยโรคตับอักเสบจะมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา ทั้งนี้ จะผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีและซีส่วนหนึ่งกลายเป็นพาหะโรค สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้ โดยไม่มีอาการป่วย

          ดังนั้น ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรค ดังนี้ 1.ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะกับต่างเพศหรือรักร่วมเพศ ช่วยให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด 2.ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน 3.ไม่สัก ฝังเข็ม หรือเจาะ โดยใช้เข็มหรือหมึกร่วมกัน 4.ไม่ใช้แปรงสีฟันและใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกนหนวด มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ 5.ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง 6.ลดละการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ทุกชนิด หากประชาชนมีข้อสงสัย สอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422        

 

*********************  30 เมษายน 2560
 


   
   


View 18    04/05/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ