กระทรวงสาธารณสุขจัดอบรมความพร้อมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 42 คน ที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 6 ตุลาคม 2560 

วันนี้ (22 พฤษภาคม 2560) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ  วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุขเปิดการฝึกอบรมข้าราชการก่อนการเดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวที่สำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประจำปีงบประมาณ 2560 เพื่อรับทราบนโยบายในการดูแลสุขภาพผู้แสวงบุญ ข้อควรปฏิบัติในพิธีกรรมด้านศาสนา จัดเตรียมเอกสารการเดินทาง และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เช่น การฉีดวัคซีน การจัดเตรียมชุดปฏิบัติงานตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านร่างกายและจิตใจของเจ้าหน้าที่รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิประเทศ ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และการใช้ชีวิตในประเทศซาอุดิอาระเบีย

          นายแพทย์เกียรติภูมิ  กล่าวว่า ในการดูแลชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี โดยจัดแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวที่สำนักการแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย  ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม –6 ตุลาคม 2560 รวม 42 คน โดยมีนายแพทย์วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี เป็นหัวหน้าสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย     ผลการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ไทย ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อปีที่ผ่านมา (2559) รายงานมีผู้แสวงบุญที่มาใช้บริการทั้งหมด 10,268 คน เพศชาย 4,538 ราย เพศหญิง 5,730 ราย ส่วนใหญ่อายุ 51-60 ปี รองลงมา กลุ่มอายุ 61-70 ปี โรคที่พบบ่อยคือ โรคระบบทางเดินหายใจ แพ้อากาศ ร้อยละ 70 รองลงมา โรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคระบบย่อยอาหาร ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์ส

นายแพทย์เกียรติภูมิ  กล่าวต่อว่า การประกอบศาสนกิจหรือทำพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ และเมืองนะดีนะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย จะมีมุสลิมทั่วโลกเดินทางมาพักอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่นเพื่อประกอบศาสนกิจ ซึ่งมีปัญหามากมาย เช่น การตายการเจ็บป่วย สภาพอากาศที่ร้อนจัดในเวลากลางวัน ฝุ่นละออง รวมทั้งจากโรคติดต่อประจำถิ่น บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต บางคนเกิดโรคประจำตัวกำเริบในขณะทำพิธี ซึ่งการที่มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แต่ละปีมีผู้เจ็บป่วยเกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถให้การดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นทุกคนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ต้องตระหนักเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเองก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น หอบหืด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ จะต้องได้รับการตรวจสุขภาพร่างกายก่อนเดินทาง และเตรียมยาที่รับประทานเป็นประจำไปด้วยในจำนวนเพียงพอ    

ในการปฏิบัติภารกิจของทีมแพทย์ไทยในครั้งนี้ นอกจากให้บริการดูแลรักษาชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์   ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้ผู้แสวงบุญประสบความสำเร็จในการประกอบพิธีฮัจย์ สามารถปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาได้อย่างสมบูรณ์ และยังถือว่าเป็นผู้แทนของประเทศไทย ในการดูแลสุขภาพผู้ประกอบพิธีฮัจย์อีกด้วย 

   ****************************** 22 พฤษภาคม 2560



   
   


View 29    22/05/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ