พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี  เร่งรัดเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์การจัดการเชื้อดื้อยาจุลชีพเพราะเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่คร่าชีวิตประชากรโลก 7 แสนคน และประเทศไทยพบเสียชีวิตปีละ3 หมื่นคน ตั้งเป้า ลดการใช้ยาต้านจุลชีพในคนและสัตว์

          พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 41คนและทรงคุณวุฒิ 10คน มีบทบาทสำคัญในการลดปัญหาเชื้อดื้อยาของประเทศ ซึ่งปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาระดับโลก องค์การอนามัยและสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญ มีการประชุมเฉพาะด้านอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 71เมื่อวันที่ 21 กันยายน2559 ประเทศไทยในฐานะประธานของประเทศG77นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูงเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพ (High Level Meeting on Antimicrobial Resistance) แสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยและกลุ่มประเทศG77 ที่จะร่วมแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาในระดับโลก เน้นความร่วมมือของหน่วยงานและทุกภาคส่วน ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาสูงถึง 700,000คน หากไม่เร่งแก้ไขคาดว่าในปี 2590ผู้เสียชีวิตจะสูงถึง10ล้านคน โดยประเทศในทวีปเอเชียจะมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 4.7ล้านคน คิดเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจประมาณ 3.5พันล้านล้านบาท สำหรับประเทศไทย พบการเสียชีวิตประมาณปีละ 30,000คนคิดเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจประมาณ 4.2หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญของเชื้อดื้อยามาจากการใช้ยาต้านจุลชีพที่เพิ่มขึ้นและมีการใช้อย่างไม่เหมาะสม

         กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 -2564 เป็นแผนยุทธศาสตร์ฉบับแรกของไทยที่เน้นการแก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ เป็นกรอบการทำงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ  ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1.การเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health)  2.การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพในภาพรวมของประเทศ 3. การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม  4.การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและควบคุมการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง 5.การส่งเสริมความรู้ด้านเชื้อดื้อยาและความตระหนักด้านการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมแก่ประชาชน และ6.การบริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน

       ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมาย 5ข้อคือ ลดป่วยจากเชื้อยาร้อยละ50 ลดการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับคนร้อยละ 20 และสำหรับสัตว์ร้อยละ 30 ประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและใช้ยาต้านจุลชีพเหมาะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ20 มีระบบจัดการการดื้อยาที่มีสมรรถนะตามเกณฑ์มาตรฐานสากลสำหรับผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฯในระยะเร่งด่วนปีงบประมาณ 2560 ได้ดำเนินการตามเป้าหมายดังนี้ 1.ตั้งคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ  2.มีนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาสมเหตุผลที่ครอบคลุมยาต้านจุลชีพ 3.มีการนำร่องระบบการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาต้านบูรณาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 2แห่ง4.มีประกาศฯยกเลิกยาต้านจุลชีพจากยาสามัญประจำบ้าน 1ฉบับ 5.มีประกาศฯปรับประเภทยาต้านจุลชีพ 6.มีประกาศเรื่องควบคุมการผลิต ขาย ใช้ ยาผสมลงในอาหารสัตว์ 1ฉบับ7.มีการนำร่องระบบมาตรฐานการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป24แห่งใน12เขตสุขภาพ 8.มีการนำร่องระบบมาตรฐานการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย2แห่ง   

********************* 16 กรกฎาคม 2560

 

 

 

 

 



   
   


View 14    16/07/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ